วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เพลงฉ่อย เรื่อง พยัญชนะ จากรายการ คุณพระช่วย

รสชาติของชีวิต

“รสชาติของชีวิต”
          
หากเปรียบชีวิตของเรา เสมือนอาหารสักจานหนึ่ง อาจกล่าวได้ว่า อาหารจะออกมาอร่อยสวยงามไร้ที่ดีได้นั้น  สิ่งที่ควรคำนึงถึง คงต้องเริ่มจาก  “สูตร”  ซึ่งต้องผ่านการทดลอง การชิมและการปรุงรสจนเป็นที่ยอมรับของผู้คน  โดยส่วนใหญ่ต่างก็ลงความเห็นว่าอร่อยดีแล้ว ซึ่งเปรียบเสมือนชีวิต ที่ได้รับการอบรม สั่งสอน บ่มเพาะความดีงาม  พยายามประคับประคองให้ก้าวไปในทางที่ถูก ที่ควร ความสำคัญจึงอยู่ตรงนี้  ตรงที่ถ้าสูตรดีอาหารก็อร่อย ก็คือถ้าชีวิตดี  การก้าวเดินของชีวิตก็จะดีไปด้วย
การใช้ชีวิตของคนเราก็เสมือนอาหาร บางช่วงจืด บางช่วงหวาน บางครั้งก็เค็ม เผ็ด ซึ่งทุกรสชาตินั้นก็มีความหมายของมัน  เราไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตทุกรสในเวลาเดียวกันได้  บางครั้งสุขด้วยรสหวานของความรัก  บางทีขมด้วยความผิดหวัง  เค็มด้วยหยาดเหงื่อของความอดทน หรือเผ็ดด้วยการทดลองทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน สิ่งเหล่านี้คือ รสชาติของชีวิตที่ซ่อนเร้นในความรู้สึกของคนเราทุกคน  การใช้ชีวิตนั้น  มีอะไร ต่าง ๆ มากมายทีผ่านเข้ามา ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ โศก หรือเศร้า ปะปนกันไป  แต่นั้นคือสิ่งที่เราสามารถที่กำหนดเองได้  ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะเดินไปทางไหน และใช้ชีวิตแบบไหนเพื่อให้ชีวิตของเรามีความสุข แต่ความสุขก็ไม่สามารถที่จะอยู่กับเราได้นาน  เพราะในโลกใบนี้ความสุขกับความทุกข์เป็นของคู่กัน
คุณเคยถามตัวเองหรือไม่ว่า ชีวิตคนเรานี่มันก็แปลกนะ เวลาจะดี...อะไร ๆ ก็ดูดีไปหมด มีอะไรดี ๆ ทยอยเข้ามาไม่ขาด แต่พอรู้สึกแย่...อะไร ๆ ก็ดูแย่ไปหมด ทำอะไรก็ไม่สำเร็จดังหวัง  เราคงได้แต่ภาวนาให้ช่วงเวลาที่ไม่ดีนั้นอย่ายาวนานนักและรอคอยว่าเมื่อไหร่ มันจะผ่านพ้นไปเสียที  ชีวิตของคนเรานั้นมักถูกคลุกเคล้าไปด้วยความดีและความชั่ว  ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเจอ  มันจะก่อให้เกิดอิทธิพลกับชีวิตเราทั้งสิ้น มันก็เลยทำให้เกิดชนะกับแพ้  หรือสุขกับทุกข์นั้นเอง  ไม่ว่าเราจะเคยเจอกับอะไรก็แล้วแต่   จะร้ายแรงแค่ไหน หรือมีอุปสรรคมากมายเพียงไร  แค่เราคิดเสมอว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นคือ บทเรียนอย่างหนึ่งที่มาปรุงแต่งชีวิตของเรา เพียงแค่เรายิ้มกับปัญหาที่เกิดขึ้น และใช้สติในการแก้ปัญหา  เราก็สามารถที่จะผ่านมันไปได้โดยที่เราไม่ต้องเสียใจในสิ่งที่เคยผิดพลาด
ดังนั้น  ชีวิตคือการปรับตัวไปตามสถานการณ์  ความสนุกอยู่ที่เราไม่รู้ว่ามีอะไรรอเราอยู่  การปรุงรสชีวิตก่อน  ก็เหมือนไม่ทันกินอาหารก็ปรุงเป็นการใหญ่  จะทำอะไรก็ไม่ยอมเดินผิดไปจากแผนที่วางไว้เป็นอันขาด  แต่ความจริงเราไม่อาจสั่งการชีวิตได้เสมอไป เมนูชีวิตเป็นกระดาษว่างเปล่าที่รอให้เราเขียนเองมากกว่าแต่บางครั้งเมื่อถึงสภาวะอ่อนแอ  ชีวิตเราก็รู้สึกท้อแท้เหมือนกัน เพียงแค่เราให้โอกาสตัวเองและอยู่กับตัวเองให้มากที่สุด เพราะใครกันที่มีโอกาสได้อยู่กับเรามากที่สุด  คำตอบก็คือ...ตัวเราเอง  แล้วใครกันที่มีโอกาสจะทำเพื่อเราได้มากที่สุด คำตอบก็คือ...ตัวเราเองเช่นเดียวกัน จะสุขหรือทุกข์  จะผิดหรือถูก จะฉลาดหรือโง่ ก็ขึ้นอยู่ที่เราจะกำหนดให้ตัวเราเป็นทั้งนั้น

ไม่ว่าในอนาคต  ทุกอย่างจะเป็นไปอย่างที่เราคาดหวังไว้หรือไม่  แต่การที่ได้อยู่อย่างมีความสุขทุกวัน  แค่นั้นมันก็ดีที่สุดสำหรับตัวเองแล้ว